EXCLUSIVE INTERVIEW – OUI OBLIVIOUS

PHOTOGRAPHS
TOUR  WONGSAWAN
INTERVIEWER 
KAMIC TANASHAARTANYA

คอนเสิร์ตแรกในชีวิตที่ไปดู – ชีวิตผูกพันอยู่กับคอนเสิร์ตมาตั้งแต่เด็ก  คอนเสิร์ตแรกที่ไปดูนี่พุ่มพวง  ดวงจันทร์  พี่เลี้ยงพาไปดูที่เจ็ดสีคอนเสิร์ต  ตอนนั้นน่าจะซัก 6 ขวบได้
แนวดนตรีที่ชื่นชอบและมีอิทธิพลในการทำงาน – พวกปลายๆ ยุค 80 ต่อต้น 90  พวก Hair Band  วงแรกที่รู้จักคือ Gun ‘N Roses  ไล่เลี่ยกันก็เป็น  Bob Dylan  พ่อของทัวร์เปิดให้ฟังเล่นให้ดูก็เลยสนใจ
แล้วมันติดมาในความคิดการทำงานมั้ย – ติดมาเลย  อย่าง  Gun ‘N Roses  ตอนนั้นเราเป็นแค่เด็ก ป.2  มันเหมือนระเบิดสมองเราไปเลย  ก็ฟังตลอดแต่ก็ฟังเพลงไทยร่วมสมัยไปด้วย  Gun N’ Roses  ทำให้เราอยากเล่นกีตาร์  ทุกอย่างของเราเริ่มมาจากวงนี้เลย  กีตาร์ตัวแรกก็ซื้อทรง Las Paul  เพราะชอบ Slash  3650 บาท ยี่ห้อ Venson  ทำให้เราตั้งคำถามตัวเองว่าเราจะใช้ชีวิตแบบไหน Rock N’ Roll  Style  คืออะไร  ทุกวันนี้ก็ยังหาคำตอบอยู่  พอผ่านมาสิบกว่าปีเรารวบรวมคำตอบได้แล้วว่าดนตรีคือวิถีชีวิต  มันอยู่ข้างใน  มันคือความสุข ทำให้เราได้เจอคนมากมาย มีเพื่อน  มีมิตรภาพ มีผลต่อการใช้ชีวิตมาก


แล้วถ้าเทียบกับรอยสัก  แบบไหนมีอิทธิพลกับตัวเอง – รอยสักนี่มันบังเอิญเราอยากมีรอยสัก  ใส่ความรู้สึกหลายอย่างลงไปในหลายลายที่สัก  ทุกครั้งที่สักมันจะมีเรื่องว่าเราอยากจะฝังลายอะไรลงไป  จะขับเราให้ออกมาอารมณ์แบบไหน  และมันจะลิงค์กันกับดนตรีเสมอ   รอยสักมันคือตัวตน ตอกย้ำว่าเราคืออะไร  Rock Is My Destiny  คือโชคชะตาของเรา
เริ่มสักครั้งแรก – ตอนประมาณ ม.1  ที่บ้านเฮี้ยบมาเพราะเป็นคนจีน  ก็แอบให้พี่ชายสักให้  รู้เท่าไม่ถึงการณ์  ใช้ตะเกียบกับเข็มเย็บผ้าสองเล่มมัดรวมกันลนไฟหน่อย  จิ้มหมึก แล้วลงเนื้อเลย  เป็นลายไทยเพราะนักถือคุณตามาก ท่านทำงานกรมศิลปากร  เป็นลายนกคาบ ขนาดเท่าไฟแช็คใช้เวลาเป็นเดือน  สักวันละนิด เจ็บเลิก  หนึ่งเดือนเจ็บมาก และก็ไม่ดีด้วย
ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประเภทไหน – เบียร์  เมื่อก่อนชอบเหล้า วิสกี้  แต่เดี๋ยวนี้ดื่มเบียร์ตลอด  โชคดีที่กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน  เปลี่ยนมาดื่มเบียร์เพราะกินง่าย  ต้องทำงานกลางแจ้ง  ก็เลยอยากกินเบียร์เย็นๆ ทุกวันนี้คนว่าบ้าเพราะกินเบียร์ตั้งแต่สิบโมงตั้งแต่เที่ยง
ไลฟ์สไตล์ – เป็นคนมีชีวิตง่ายๆ ยึดถือความสุขเป็นหลัก  คิดถึงสิ่งที่ดี  ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน  ขยัน  อดทนไม่ยอมแพ้  ทุกการตัดสินใจในชีวิตจะอิงกับความสุข  ทั้งกับการเล่นดนตรี  การสัก มีสังคมที่ดี เพื่อร่วมงานสิ่งแวดล้อมที่มีแนวคิดเดียวกับเรา  นิยามความสุขคือ “มีความสุขกับทุกเรื่อง”


การเป็นศิลปินมันเป็นใบเบิกทางในการทำงานมาถึงทุกวันนี้มั้ย – มันก็ทำให้ง่ายขึ้นบ้างก็จริง ส่วนหนึ่งมันทำให้เรามีชื่อเสียง  แต่ในโลกของการทำงานจริงๆ การเอาตัวรอด…ไม่มีผลเลย  เพราะที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ไม่มีใครรู้จักเรา สังคมที่เราอยู่รู้จักเราแค่ “ไอ้อุ้ย-ไอ้อ้น”  ไม่มีใครรู้จัก Background เรา
เรื่องสยองๆ ระหว่างการใช้ชีวิตนักดนตรี – ช่วงนั้นใช้ชีวิตบนถนนบ่อย  มีครั้งนึงไปทัวร์คอนเสิร์ตที่เชียงใหม่  ขับรถไปเอง  ขากลับก็กลับมากับอาทนักร้อง  อ้น และแต๋มผู้จัดการวง  พอเล่นเสร็จช่วงค่ำก็ขับรถกลับเลย เครื่องดนตรีเต็มท้ายรถ  ถึงนครสวรรค์สักห้าทุ่มเจอด่านตรวจ เรียกเรากับอาทลงไปตรวจ  เห็นรอยสักเต็มตัวก็คนใหญ่เลย  ค้นรถค้นตัวคิดว่าเราไปขนยามา  แยกห้องขัง  ให้แฟนเราถอดเสื้อผ้าค้นตัว แถมโดนใช้ล้างห้องขังอีกต่างหาก  สอบปากคำ  ค้น  ตรวจปัสสาวะ  เป็นเวลานานมาก มันช่างสยดสยอง  พยายามอธิบายว่าเราไปเล่นดนตรีมี โปสเตอร์ก็มี  เห็นเรามีรอยสักแล้วเค้าไม่เชื่อเราเลย  เสียเวลาอยู่สี่ชั่วโมงตรวจแล้วไม่เจออะไรก็ปล่อย  ตอนแรกก็เสียวๆ อยู่เหมือนกันเพราะมีกัญชาอยู่ห่อนึง (หัวเราะ) สยองมาก  12.50


แสดงว่ารอยสักทำเรื่อง – รอยสักนี่แรกๆ เราอยากมีก็แค่…ความรู้สึกตอนอยากสักครั้งแรกกับตอนนี้มันต่างกัน  ตอนแรกแค่อยากมีรอย อยากเท่  แต่ก็ต้องคิดนิดนึงว่ารอยอะไรที่ต้องมีความหมาย  ต่อมาเราก็รู้ว่าการสักนี่มันเป็นศิลปะ  มีความหมาย  ไม่ง่ายแล้วจะใช้ความรู้สึกแรกไม่ได้แล้ว  ผ่านจุดนั้นมาแล้ว  หลังจากรอยแรกรอยต่อมาก็ยังไม่ดีเท่าไหร่  รู้สึกโง่ๆ อยู่คือไปที่ร้านเปิดลายดูแล้วก็ชี้เอาเลย  หลังจากนั้นเราก็มองมันทุกวันก็เริ่มคิด  อยากเรียนรู้ ซื้อหนังสือสักดีๆ มาอ่าน  ศึกษา  จนช่วงใกล้ๆ ทำอัลบั้มกับวงก็มีรอยที่สาม  เป็นงานใหญ่เกือบเต็มแขน  หลังจากสักเจมส์ ดีน ก็ทิ้งช่วงมา  3  ปี  ลายล่าสุดนี่ก็อยากสักอะไรที่เกี่ยวกับดนตรีลงบนตัว  ชัดเจนเป็นรูปหัวกีตาร์เฟนเดอร์ เทเลคาสเตอร์  สักโดยช่างชื่อแวน  ทำงานดีมาก  แต่ตอนสักมีฮา  ตอนแรกตั้งใจสักให้เหมือนของยูเอส  แต่ลงรายละเอียดโลโก้ผิดที่  เลยดูคล้ายของไชน่าไป
เกี่ยวกับดนตรี  นอกจากแนวหนักๆ – ตอนนี้สนใจ “บลูส์” นะ  ขับรถเดินทางอาทิตย์ละ 500 กิโล ขับไปฟังไป
กับงานเพลง – วง Oblivious คงยังไม่ได้ทำอะไร  พัก  เวลาว่างจะไปเล่นบลูส์กับเพื่อน  เดินทางบ่อย ใครอยากได้เครื่องดนตรีก็จะฝากซื้อ  เลยได้ซื้อเครื่องดนตรีบ่อยๆ มีความสุขมาก
เพลงที่ชอบและแกะเล่น – พูดถึงตอนนี้คงตอบยาก  ชอบหลายเพลงเพราะแต่ละเพลงเข้ามาในชีวิตเราในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน  พอได้ฟังเพลงไหนเราก็จะนึกถึงช่วงเวลานั้นๆ ถ้าจะถามว่าชอบเพลงไหนขอตอบว่าชอบทุกเพลง  แต่ถ้าชอบมากและแกะเล่นเป็นเพลงแรกเลยคือ Don’t Cry  ของ  GNR  ตัว  Slash  นี่เหมือนผีสำหรับเราเลย ไล่ตามยังไงก็ไม่ถึง
เพลงที่เกลียด – ขอนึกก่อน….Price Tag
อาหาร ไร้สมองหรือ กินกันตาย – ลูกชิ้นปลาทอดที่จตุจักร  ยี่สิบบาท  เบียร์  3  ขวด  ข้าวไม่ต้องกินแล้ว (หัวเราะ)
หนังที่ชอบ – ชอบดูหนังเกี่ยวกับประวัติศาสตร์  สงคราม  พวกสามก๊ก
ลุคของตัวเอง – ดูแลเอง และก็ดูคนอื่นด้วย (หัวเราะ)  ดูแลเองมานานตั้งแต่ก่อนออกเทป  ตอนนี้เจอสไตล์ตัวเองแล้ว  สิ่งที่จะใส่ไปจนวันตายคือกางเกงขาเดฟ  ประมาณว่าถ้าเอาโทรศัพท์หย่อนลงไปในขากางเกงได้นี่ไม่ผ่าน  ตอนไปงานแต่งของทัวร์ก็ตัดสูทขาเดฟไปเลย (หัวเราะ)


ชอบใส่กางเกงในสีอะไร – ดำ
อะไรที่เพิ่งทำมาแล้วรู้สึกว่าโคตรฮีโร่เลย – เคยช่วยคนทั้งๆ ที่เราไม่มีเงินเลย มีเท่าไหร่เทให้เค้าหมด  วงดนตรีตาบอดนี่เราให้เงินเค้าแล้วก็ขอบคุณเค้า  ขอบคุณที่เค้าเล่นดนตรีจริงๆ ให้เราฟัง
อายที่สุดในชีวิต – เล่นดนตรีที่มหาลัยนึง  พื้นเป็นกระดาน  ไม่เรียบ  ล้มบนเวทีต่อหน้าคนดู  เพื่อนในวงก็ขำ  อายมากตอนนั้น
เรื่องที่แรงที่สุดบนเวที – ทุบกีตาร์  วันนั้นรอก่อนเล่นนาน เจ้าภาพก็เกรงใจเอาเบียร์มาเลี้ยงเราก็ซัดเต็มที่  พอขึ้นเล่นแอมป์มีปัญหาเล่นไปแก้ไป อารมณ์เสียมาก  ทุ่มกีตาร์ลงกับพื้นแล้วลงมานั่งดูเพื่อนเล่น ความรู้สึกมันแย่มาก  แบนด์มาไม่ครบ เสียงดนตรีที่ฟังมันขาด  ดูเพื่อนๆ ไม่ค่อยสนุกด้วย  พองานจบก็เลยทุบกีตาร์ แตกเป็น  4  ชิ้นกระจายเลย  กลับมาบ้านเสียใจมาก (หัวเราะ)
เรื่องบ้าที่สุดในชีวิตที่คิดอยากทำ – อยากกระโดดร่ม  แต่จะไม่กางร่ม  อ้อ  ช่วงที่แย่ที่สุดในชีวิต  อยากขี่มอเตอร์ไซค์แล้วโดดลงปล่อยมอเตอร์ไซค์พุ่งลงเหว แต่ไม่ได้ทำ

อ้น & อุ้ย & อันย่า
คุณสองคนเจอกันได้ไง – มีแม่สื่อ  อาทรู้จักเบสท์  อ้นเป็นเพื่อเบส์ก็เลยมาแนะนำให้รู้จักกัน  ตอนแรกก็ไม่ชอบหน้า  ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายจะต้องมาใช่ชีวิตอยู่ด้วยกัน  ตอนแรกไม่ชอบเลยแต่พอคุยกันแล้วรู้สึกดี  ก็เลยคิดว่าจะทุ่มเททั้งชีวิตให้ผู้หญิงคนนี้ดู (อ้นแซวว่าไม่ใช่หรอกไม่มีใครเอามากกว่า)
คอนเสิร์ตแรกที่ไปดูด้วยกัน  –  Haven  ชอบดนตรีจากฝั่งอังกฤษ  มันไพเราะ นิ่มนวล  หลังจากนั้นก็ไปดูคอนเสิร์ตด้วยกันตลอด  ก่อนที่ธันญ่าจะเกิดยังอยู่ในท้องนี่ก็ไปดู Hatebreed   สำหรับคอนเสิร์ตแรกของครอบครัวคือ Megadeth

แล้วเรื่องเปิดร้านของตัวเอง – อ้นกับอุ้ยนี่พอคบกันก็หลอมรวมชีวิตเป็นหนึ่งเดียวเลย  ก็เริ่มทำงานด้วยกันทำพวกเครื่องหนัง แหวน ดีไซน์เอง เอาไปขาย ยังไม่มีร้าน  สร้างแบรนด์ Vintage Rock  ทำทุกอย่างจนช่วงขาลงที่สุดไม่มีงานจะทำ อ้นก็คิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง ว่าจะขายของเก่า ขายกระเป๋า ก็เลยไปตลาดโรงเกลือกัน   จนมันกลายมาเป็น Anyarin Vintage Bag Shop นี่มันเริ่มจากเราขายความเป็นเรา  ใช้เทสต์ของอ้นในการเลือกของซึ่งก็ลิงค์มากับดนตรีหรือ Tattoo  นี่แหล่ะ  ไม่ดูกระแสแฟชั่น  ตามใจเราเลย  วิธีคิดง่ายมากคือซื้อทุกอย่างที่เราชอบ  มันเป็นศิลปะในการเลือก  ถ้าความชอบของเรามีค่ามันก็จะเป็นเงิน  โชคดีที่เราเริ่มทำตอนที่เรามองอะไรสว่างขึ้นแล้ว  มองตัวเองออกว่าอะไรคือเรา  ถ้าไม่ใช่เราเราก็จะรู้อายว่าขายของที่ไม่ใช่เรา  มองในแง่ธุรกิจการที่เลือกของเก่ามาขายเพราะมันทำเงิน  สินค้าที่ขายก็จะเป็นกระเป๋าวินเทจ  เริ่มจากกระเป๋ามือสองธรรมดาจนตอนนี้ขยายมาเป็นพวกมีแบรนด์ ได้เพื่อนฝูงในวงการช่วยพาเราไปดู สอนวิธีเลือก
มีวิธีเลี้ยงลูกให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ยังไง – เราสองคนเป็นคนง่ายๆ รักสนุก ความสุขมาก่อนเสมอ  เคารพการตัดสินใจซึ่งกันและกัน  การเลี้ยงลูกเราจะไม่ห้ามอะไรเค้าเลย  คอยอยู่ข้างๆ ให้เค้าเจอประสบการณ์เอง จะดูว่าเค้าทำผิด-ถูกในแง่ความคิดและความรู้สึกมากกว่า  เราได้รับการเลี้ยงมาแบบว่านี่ผิดนะแต่ไม่บอกว่าผิดยังไง  เราจะไม่ทำสอนอย่างนั้น  ถ้าเค้าทำผิดเราจะสอนและมีเหตุผลให้

ความสำเร็จสูงสุดในชีวิตที่หวัง – อยากมีบ้านให้ลูก  เป็นปัจจัยที่ทุกคนอยากจะมี  อยู่ที่ว่าอยากให้ลูกโตในสิ่งแวดล้อมแบบไหนซึ่งปัจจุบันนี้แฮปปี้มากเพราะทุกคนแวดล้อมเป็นคนดี  บ้านที่อยากได้ต้องมีห้องซ้อมหรือห้องอัด หรือธุรกิจขายเครื่องดนตรี เพราะเราโตมากับสิ่งนี้  อยากให้ลูกโตมาในสิ่งแวดล้อมที่มีดนตรี
ติดตามผลงานเกี่ยวกับพวกคุณได้ที่ไหน – ใน Instagram และ Facebook  ชื่อร้านเลย  Anyarin Vintagebag

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s